
วิกฤตการณ์การเงินปี 2008 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสมัยใหม่ อันเนื่องมาจากการรวมตัวกันของปัจจัยต่างๆ ที่ซับซ้อน โดยเริ่มต้นจากฟองสบู่ราคาที่อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา การให้สินเชื่อที่ไม่ระมัดระวังแก่ผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูง และการขาดวิถีปฏิบัติในการควบคุม
ก่อนจะเกิดวิกฤษการณ์ในปี 2008 สหรัฐอเมริกาได้ประสบกับช่วงเวลาของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยต่ำ การให้สินเชื่อที่ง่ายขึ้นและความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนจำนวนมากพยายามที่จะซื้อบ้านในช่วงเวลานี้ โดยหวังว่าจะได้กำไรจากการขายต่อในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวนมากถูกจัดสรรให้แก่ผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งไม่มีเครดิตดีและอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้
ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ ได้สร้าง “หลักทรัพย์รองรับ” จากกลุ่มสินเชื่อเหล่านี้ โดยแบ่งแยกสินเชื่อ mortgages ออกเป็นส่วนๆ และขายให้กับนักลงทุน การกระทำนี้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน แต่ก็ทำให้ความเสี่ยงจากสินเชื่อที่ไม่ดีถูกแพร่กระจายไปยังนักลงทุนทั่วโลก
เมื่อราคาบ้านเริ่มตกลงในปี 2006 ผู้กู้จำนวนมากพบว่าตนเองติดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยเริ่มมีการผิดนัดชำระ และ “หลักทรัพย์รองรับ” ที่สร้างขึ้นจากสินเชื่อเหล่านี้ ก็เริ่มสูญค่า
เมื่อนักลงทุนตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ “หลักทรัพย์รองรับ” เหล่านี้ พวกเขาก็เริ่มขายทิ้งอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้ตลาดการเงินเกิดความวุ่นวายอย่างมาก และธนาคารหลายแห่งเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง
วิกฤตการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง มีการสูญเสียงานจำนวนมาก ธุรกิจล้มละลาย และตลาดหุ้นตกลงอย่างรุนแรง
ผลกระทบของวิกฤษการณ์ | รายละเอียด |
---|---|
การสูญเสียงาน | ล้านคนทั่วโลกสูญเสียงาน |
ธุรกิจล้มละลาย | ธุรกิจขนาดใหญ่และ SMEs จำนวนมากล้มละลาย |
ตลาดหุ้นตกลง | ตลาดหุ้นทั่วโลกขาดความมั่นใจและราคาหุ้นตกลงอย่างรุนแรง |
รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์ รวมถึงการช่วยเหลือทางการเงินสำหรับธนาคาร และการกระตุ้นเศรษฐกิจ
วิกฤษการณ์การเงินปี 2008 เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับเรา
มันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการควบคุมอย่างเข้มงวดในระบบการเงิน การประเมินความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง และความจำเป็นในการสร้างระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน