
การประท้วงของชาวฝรั่งเศสในปี 2018 หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “Yellow Vest” เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมและการเมืองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการประกาศใช้ภาษีน้ำมันที่เพิ่มขึ้นโดยรัฐบาล ประกอบกับความไม่滿ใจต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและปัญหาสังคมอื่นๆ ที่สะสมมานาน
สาเหตุของการประท้วงมีหลายประการ:
- ภาษีน้ำมัน: รัฐบาลฝรั่งเศสในขณะนั้นได้ประกาศใช้มาตรการภาษีน้ำมันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานสีเขียว อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ถูกมองว่าเป็นภาระเพิ่มที่ไม่ยุติธรรมต่อประชาชนชั้นกลางและ निम्न
- ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ: ฝรั่งเศสเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนอย่างมาก การประท้วงสะท้อนให้เห็นถึงความไม่滿ใจของผู้ที่รู้สึกว่าถูกทิ้งไว้ข้างหลังในระบบเศรษฐกิจ
- การขาดโอกาสทางเศรษฐกิจ: ความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน โอกาสในการศึกษา และการเข้าถึงบริการสาธารณะที่จำกัด ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความรู้สึกสิ้นหวัง
การประท้วงเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2018 โดยกลุ่มชาวฝรั่งเศสที่สวมกางเหลือง (Yellow Vest) ซึ่งเป็นเครื่องแบบที่ใช้ในการขับรถในสภาพอากาศไม่ดี พวกเขาเริ่มชุมนุมตามถนนสายหลักและจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกรุงปารีส และเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ
การประท้วงดำเนินไปอย่างรุนแรง โดยมีการเผารถยนต์ จัดตั้งバリคาด และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยการใช้ก๊าซน้ำตา และอาวุธไม่ร้ายแรงอื่นๆ ในการสลายการชุมนุม
เหตุการณ์สำคัญ | วันที่ |
---|---|
การเริ่มต้นการประท้วง | 17 พฤศจิกายน 2018 |
การประท้วงครั้งใหญ่ในปารีส | 1 ธันวาคม 2018 |
รัฐบาลประกาศมาตรการเยียวยา | 10 ธันวาคม 2018 |
ผลกระทบของการประท้วง Yellow Vest:
- การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง: การประท้วงทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง และนำไปสู่การลาออกของนายกรัฐมนตรี Édouard Philippe
- การปฏิรูปภาษี: รัฐบาลฝรั่งเศสได้ยกเลิกมาตรการภาษีน้ำมันที่เป็นชนวนสำคัญของการประท้วง และประกาศมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจ
- การตื่นตัวทางสังคม: การประท้วง Yellow Vest นำไปสู่การถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและความไม่ยุติธรรมในสังคมฝรั่งเศส
Yellow Vest เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียด และความไม่滿ใจของประชาชนที่มีต่อระบบการเมือง และเศรษฐกิจ การประท้วงนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และนำไปสู่การปฏิรูปนโยบายสาธารณะ แต่ก็ยังคงมีคำถามว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมกันในสังคมฝรั่งเศสได้อย่างยั่งยืนหรือไม่