
การปฏิวัติ “People Power” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “การปฏิวัติ EDSA” เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1986 ในประเทศฟิลิปปินส์ เหตุการณ์นี้เป็นการประท้วงทางสันติโดยประชาชนจำนวนมหาศาล ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของระบอบเผด็จการภายใต้ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส และการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศ
เหตุการณ์นี้มีรากเหง้ามาจากความไม่พอใจของประชาชนต่อการปกครองของมาร์กอส ที่ดำรงอำนาจอยู่ยาวนานกว่า 20 ปี มาร์กอสถูกกล่าวหาว่าทำลายประชาธิปไตย ข่มขู้สิทธิมนุษยชน และใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว
จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติเกิดขึ้นเมื่อ Corazon Aquino ภรรยาของ Benigno Aquino Jr. นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ถูกสังหารในปี 1983 ประกาศลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี
Aquino ซึ่งเป็นตัวแทนของความหวังและการเปลี่ยนแปลง ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากประชาชน การเลือกตั้งถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1986 และผลโพลแสดงให้เห็นว่า Aquino เอาชนะมาร์กอส อย่างไรก็ตาม มาร์กอส ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และประกาศตนเป็นผู้ชนะเลือกตั้ง
การกระทำของมาร์กอส ทำให้ประชาชนจำนวนมากหันมารวมตัวกันในกรุงมะนิลา พวกเขาเดินขบวนไปยังถนน EDSA ซึ่งเป็นถนนสายหลัก และเริ่มชุมนุมอย่างสงบเพื่อเรียกร้องให้มาร์กอส ลงจากอำนาจ
การประท้วงถูกนำโดยกลุ่มผู้พิทักษ์ของ Aquino และได้รับการสนับสนุนจากสมาคมศาสนา นักเรียน สหภาพแรงงาน และชาวบ้านทั่วไป ผู้ชุมนุมยืนกรานต่อต้านมาร์กอส โดยใช้สัญลักษณ์อย่างเชือกสีเหลือง (yellow ribbon) เป็นเครื่องหมายของความเป็นหนึ่งเดียวและความหวัง
การประท้วงดำเนินไปอย่างสงบ แม้ว่าจะมีการรุกไล่จากกองทัพของมาร์กอส ในช่วงขณะนั้น สมาชิกกองทัพบางส่วนที่เห็นใจประชาชนและไม่ต้องการร่วมมือกับเผด็จการก็ได้ Defect ออกจากกองทัพ
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1986 มาร์กอส และครอบครัวตัดสินใจที่จะหลบหนีออกจากประเทศฟิลิปปินส์ไปยังสหรัฐอเมริกา การล่มสลายของมาร์กอส เป็นจุดสิ้นสุดของระบอบเผด็จการและการเปิดศักราชใหม่ของประชาธิปไตยในฟิลิปปินส์
ผลกระทบต่อประเทศฟิลิปปินส์
การปฏิวัติ People Power มีผลกระทบที่รุนแรงต่อประเทศฟิลิปปินส์ทั้งในด้านการเมืองและสังคม:
- การกลับมาของประชาธิปไตย: ประเทศฟิลิปปินส์ได้กลับมามีระบอบประชาธิปไตยภายใต้การนำของ Corazon Aquino
โต๊ะแสดงผลกระทบต่อประเทศฟิลิปปินส์:
ด้าน | ผลกระทบ |
---|---|
การเมือง | การล่มสลายของระบอบเผด็จการ และการกลับมาของประชาธิปไตย |
สังคม | ความรู้สึกภาคภูมิใจในชาติ และความสามัคคีของประชาชน |
เศรษฐกิจ | การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น |
-
ความสามัคคีของประชาชน: การปฏิวัติ People Power แสดงให้เห็นถึงพลังของการรวมตัวกันอย่างสันติของประชาชน
-
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ: การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นหลังจากการปฏิวัติ เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในเสถียรภาพและความโปร่งใสของรัฐบาลใหม่
บทเรียนที่ได้เรียนรู้
การปฏิวัติ People Power เป็นตัวอย่างสำคัญของความสามารถในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองผ่านการกระทำของประชาชนอย่างสันติ การปฏิวัตินี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้เผด็จการจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานต่อพลังของประชาชนที่รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ
นอกจากนั้น เหตุการณ์นี้ยังเป็นบทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับความจำเป็นในการปกป้องประชาธิปไตย และต้องเฝ้าระวังต่อการลิดรอนสิทธิของประชาชน ตลอดจนการใช้อำนาจอย่างมิชอบ
การสืบสานและการเฉลิมฉลอง
การปฏิวัติ People Power เป็นวันหยุดราชการในฟิลิปปินส์ และยังคงถูกเฉลิมฉลองทุกปีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์
ประชาชนฟิลิปปินส์จะมารวมตัวกันเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ และเพื่อสานต่อความฝันของผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย